หากอยากยกฐานะอย่างยั่งยืนด้วยการลงทุนทำธุรกิจ ลองใช้ไอเดียดีๆ ที่จีอีมันนี่แนะนำไว้ให้ในโครงการ Banking on Woman
1. คิดจากทุน : ประเมินเงินลงทุนก่อนว่าเรามีอยู่เท่าไร และต้องเป็นเงินลงทุนที่เราเสียไปแล้วจะไม่เดือดร้อน หรือคะเนได้ว่าจะสามารถทำกำไรจากธุรกิจได้แน่นอน จากนั้นค่อยดูขนาดธุรกิจให้ตรงกับเงินลงทุน
2. ประเมินทรัพยากร : ดูว่าเราต้องใช้อะไรในการเปิดร้านบ้าง ได้แก่ 4M (Money Machine Material และ Man) ต้องประเมินไว้ก่อนการลงทุนให้ครบถ้วน
3. กระจายต้นทุน : ต้นทุนนั้นจะต้องแบ่งออกเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งคุณสามารถแยกได้ดังนี้
1. ต้นทุนคงที่ จ่ายไปในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่อาจจะมีซื้อเข้ามาทดแทน
2. ต้นทุนแปรผัน ต้องลงทุนเพื่อซื้อสินค้ามาแปรผันตามจำนวนยอดขาย
3. ต้นทุนอื่นๆ ค่าโสหุ้ยคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายประจำ เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแรง เป็นต้น
1. ต้นทุนคงที่ จ่ายไปในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว แต่อาจจะมีซื้อเข้ามาทดแทน
2. ต้นทุนแปรผัน ต้องลงทุนเพื่อซื้อสินค้ามาแปรผันตามจำนวนยอดขาย
3. ต้นทุนอื่นๆ ค่าโสหุ้ยคือค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายประจำ เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าแรง เป็นต้น
4. คำนวณทุนสุทธิ : หลังจากที่เราคำนวณต้นทุนทั้งหมดแล้ว เอามารวมกันเราจะได้ต้นทุนสุทธิ เพื่อเป็นมาตรฐานในการกำหนดราคาสินค้าที่เราจะขายต่อไป อย่างเช่น ต้นทุนทั้งหมด 2,000 บาท สามารถขายน้ำผลไม้ปั่นได้ 100 แก้ว ต่อวัน ดังนั้น ต้องขายน้ำผลไม้ปั่นให้มีราคาแก้วละ 20 บาทขึ้นไป
5. ตลาดแข่งขัน : คงไม่ใช่เราที่จะขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่คนเดียว ต้องเล็งสภาพเศรษฐกิจและตลาดไว้ด้วย เช่น หากขายหน้าโรงเรียนกับโรงงาน ที่ไหนจะขายดีกว่ากัน เป็นต้น หรือเล็งไว้ว่าตลาดวัตถุดิบตรงไหนขายของถูก เพื่อลดต้นทุนการผลิต
6. เครื่องมือทางการตลาด : ไม่ว่าธุรกิจใดๆ ล้วนใช้เครื่องมือทางการตลาดทั้งนั้น เช่น แยกของสมนาคุณ แจกสินค้าตัวอย่าง เพิ่มเงินเพื่อได้ซื้อสินค้าอีกชิ้น หรือลดราคาสินค้า เป็นต้น
7. หักกำไรออกจากต้นทุน : หลังจากได้กำไร ให้คุณหักเก็บกำไรเอาไว้ และใช้ต้นทุนเดิมหมุนเวียนในร้าน และทำบัญชีเก็บไว้ทุกครั้งด้วย
ที่มา:โครงการ Banking on Woman
0 ความคิดเห็น